บลจ.ทิสโก้ ชี้แนวโน้มฟันด์โฟลว์เข้าตลาดเกิดใหม่และไทยคาดดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ1,600 จุด แนะลงทุนหุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจเป็นหลัก กลุ่มพลังงาน – ธนาคาร พร้อมกระจายความเสี่ยงหุ้นต่างประเทศ กลุ่มเฮลธ์แคร์ -อินโนเวชั่น ให้ผลตอบแทนโดดเด่น ด้านAUM กองทุนรวมปีนี้มั่นใจทะลุเป้าหมาย6หมื่นล้านบาท
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด ( บลจ.ทิสโก้ ) เปิดเผยว่า บริษัทมองหุ้นไทยปีนี้ดัชนีมีโอกาสเติบโตแตะที่ระดับ 1,600 จุดได้ โดยมีอัพไซด์บวกลบที่ 5% ซึ่งจะมีปัจจัยหนุนจากการคาดหวังของกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ ที่มีโอกาสไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งร่วมถึงตลาดหุ้นไทยที่จะได้รับอานิสงค์ดังกล่าวด้วย ประกอบกับความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนโควิค-19ที่จะเข้ามาในประเทศด้วย ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปีนี้ยังเติบโตไม่มาก
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ พอร์ตลงทุนของนักลงทุนควรมีหุ้นไทยประมาณ 20% ที่เหลือเน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากหุ้นไทยที่โดดเด่นกลุ่มเดิมๆอย่างกลุ่มฮลล์แคร์และท่องเที่ยวถูกกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่ให้เลือกน้อยลง เมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศ เว้นแต่ประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยที่ยังสามารถลงทุนได้ ควรเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก อย่างหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว
นายสาห์รัช กล่าวอีกว่า ช่วงปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมกองทุนรวมเติบตลดลงประมาณ 7% ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM)สิ้นปีที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 5.5 ล้านล้านบาทจากสิ้นปี 2562 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากมูลค่าสินทรัพย์ในกลุ่มตราสารหนี้ลดลงไปกว่า 2 แสนล้านบาทจากปัญหาที่เกิดกับ 4 กองทุนตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม หากเงินลงทุนในตราสารหนี้ไม่หายไปกว่า 2 แสนล้านบาท AUMรวมติดลบแค่ 2% เท่านั้น แม้ว่าในอุตสาหกรรมจะมีเงินไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้และกองทุนความเสี่ยงต่ำอื่นๆค่อนข้างมาก แต่กองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเติบโตค่อน้างสูงมากเช่นกันในนช่วงปีที่ผ่านมา
สำหรับในช่วงเดือนม.ค.2564 นักลงทุนยังคงลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับเฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี อินโนเวชั่น ซึ่งให้ผลตอบแทนดี เชื่อหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังคงให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นต่อเนื่องสำหรับปีนี้เช่นกัน ส่วนประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจและเข้าไปลงทุนต่อเนื่อง คือ ประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเศรษฐกิจจีนกับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นในาระดับที่สูงประกอบกับมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอินโนเวชั่นที่น่าสนใจค่อนข้างมาก เช่นเเดียวกับหุ้นสหรัฐฯที่มีหุ้นกลุ่มดังกล่าวให้เลือกลงทุนค่อนข้างมากเช่นกัน และเชื่อว่าภายใต้การเกกิดโควิด-19 และพฤตติกรรมการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไป ทำให้หุ้นกลุ่มเหล่านี้มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมรวมถึงธนาคารกลางต่างๆ ยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอีกทางหนึ่ง
นายสาห์รัช กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทเน้นอออกกองทุนที่เกี่ยวกับเฮลล์แคร์ ,เทคโนโลยี, อินโนเวชั่น ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนค่อนข้างสูง ประกอบกับบริษัทมีการยขยายฐานนักลงทุนผ่าน่องทางต่างๆมากขึ้น
ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)กองทุนรวมของทิสโก้(ไม่ร่วมกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) สิ้นปี 2563 เติบโต 7% แตะที่ระดับ 5.3 หมื่นล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งเป้าหมาย AUM กองทุนรวมปี 2564 เติบโต 13% แตะที่ระดับ 6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม AUM ปีนี้มีโอกาสเกินเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากช่วงเดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้าลงทุนในกองทุนของทิสโก้ค่อนข้างมาก ทำให้ยอด AUM เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 13% ไปแล้ว
“บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ๆเพิ่มเติมในช่วงเดือนที่เหลือ ช่วงเดือนมี.ค.2563 มีออกกองทุนใหม่แล้วสองกองทุน และในเดือนมี.ค.2563 จะออกกองทุนเพิ่มเติมอีกหนึ่งกองทุน”
Recent Comments